ลอนดอนแก้ปัญหาเรื่องมลภาวะ โดยเตรียมเก็บภาษีจากรถยนต์

ประสบการณ์ใช้รถ | 7 พ.ค 2561
แชร์ 0

ในอัตรา10 ปอนด์ (440 บาท) ต่อวัน มาใช้กับรถเครื่องยนต์ดีเซล

คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ในกรุงลอนดอน ได้ออกหนังสือเตือนฉบับสุดท้าย และกำหนดว่า สหราชอาณาจักร มีเวลาเพียง 2 เดือนที่จะแก้ปัญหาเรื่องมลภาวะ โดยเฉพาะปริมาณไนโตรเจนไดออกไซด์ โดยจะทำการนำระบบการจัดเก็บภาษีที่เรียกว่าที-ชาร์จ (T-Charge) ในอัตรา10 ปอนด์ (440 บาท) ต่อวัน มาใช้กับรถเครื่องยนต์ดีเซล และรถที่ใช้น้ำมันทุกชนิด

วิธีการเรียกเก็บภาษีนี้ จะมีลักษณะเดียวกันกับการใช้รถในเวลาที่การจราจรแออัด ที่จัดเก็บอยู่แล้ว 11.50 ปอนด์ (508 บาท) หมายความว่า ผู้ใช้รถบางรายอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 21.50 ปอนด์ (950 บาท) ต่อวัน ในการขับรถในย่านใจกลางกรุงลอนดอน ระหว่าง 7:00-18:00 น. วันจันทร์ – ศุกร์ การทำเช่นนี้จะช่วยปรับปรุงทางด้านอากาศ และมลภาวะในกรุงลอนดอน

ส่วนหนึ่งของมาตราการแก้ไขปัญหานี้นั่นคือการเรียกเก็บภาษีรายวันกับเจ้าของรถเก่า และอีกต้นตอหนึ่งของการทำให้เกิดไนโตรเจนไดออกไสด์ นั่นก็คือ โรงงาน และรถยนต์โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล ซึ่งสหราชอาณาจักรได้ถูกตักเตือน ภายใต้กฏหมายอียู ว่าได้ละเมิดข้อกำหนดในเรื่องมลภาวะทางอากาศ ทางด้านของรัฐที่เป็นสมาชิก จะต้องปฏิบัติตามแผนดังกล่าว เพื่อลดระดับมลภาวะ หากสหราชอาณาจักรไม่ปฏิบัติตามภายใน 2 เดือน ก็อาจมีการส่งเรื่องให้ศาลยุติธรรมยุโรปพิจารณา ซึ่งอาจทำให้สหราชอาณาจักรต้องถูกปรับเป็นเงินก้อนโตได้ โดยคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า มีประชาชนกว่า 400,000 คน ในสหภาพยุโรป ที่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะเผชิญกับคุณภาพอากาศที่ไม่ดี คำเตือนทางด้านมลภาวะในครั้งนี้ ทำให้องค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมออกมาเรียกร้องให้มี “กฎหมายเพื่ออากาศบริสุทธิ์” เพื่อกำหนดเป้าหมายในการลดมลพิษในสหราชอาณาจักร

ในครั้งนี้รัฐบาลได้ระบุว่า มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการปฏิบัติต่อคำเตือนดังกล่าว ที่จะปรับปรุงคุณภาพอากาศของสหราชอาณาจักร โดยจัดให้ในเขตเทศบาลที่มีโซนอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งอาจหมายถึงการกำหนดโซน เพื่อเรียกเก็บค่าผ่านทางสำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ปล่อยมลภาวะในปริมาณสูง หรือการเพิ่มข้อกำหนดในการออกใบอนุญาตขับขี่แท็กซี่และรถบัสอีกด้วย และทางกรุงลอนดอน ได้กำหนดงบประมาณ 875 ล้านปอนด์ (38,700 ล้านบาท) เพื่อแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ ภายในปี 2019