ซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง? พบกับ 7 คำถามที่พบบ่อยเมื่อจะซื้อรถมือสอง

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 17 มิ.ย 2564
แชร์ 4

ซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง? มีอะไรที่ควรต้องรู้ เพราะเป็นมือใหม่ ที่ไม่รู้อะไรเลย จะทำอย่างไรดี มีคำถามเยอะแยะไปหมด ? อยากได้คำตอบ Chobrod รวบรวมมาให้แล้ว

ทางเลือกของการซื้อรถสำหรับหลาย ๆ คน มักจะมีรถมือสองเป็นคำตอบในนั้น ด้วยเหตุผลเรื่องของราคาเป็นหลัก เพราะเป็นที่แน่นอนว่า ราคาของรถมือสองนั้นจะได้ถูกกว่ารถใหม่กว่าหลายเท่า ซึ่งบางคนอาจจะมีรถคันแรกเป็นรถมือสอง ดังนั้นจึงไม่ควรพลาด กับข้อควรรู้ ก่อนซื้อรถมือสอง มาดูกันว่า ถ้าจะซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง? มีอะไรบ้างที่ควรต้องรู้

ดูเพิ่มเติม

>> 6 อันดับ เต้นท์รถมือสองยอดนิยมในกรุงเทพฯ

1.ต้องเช็กอะไรบ้าง?

สิ่งควรเช็กขณะเลือกรถมือสองการเลือกรูปร่างหน้าตาภายนอก รุ่นรถ สี เป็นสิ่งที่ใช้ตาเปล่าเลือกได้อยู่แล้ว เราก็มองหารถรุ่นที่ใช่สำหรับเรา ต่อมาเราก็มาดูเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะด้านตัวเครื่อง การใช้งาน ความสมบูรณ์ของตัวรถคงต้องหาหลักฐานต่าง ๆ มายืนยันกันหน่อย

ตรวจเช็กสภาพรถให้ดีก่อนซื้อ
ตรวจเช็กสภาพรถให้ดีก่อนซื้อ

ทำให้เราต้องสนใจและใส่ใจที่จะร้องขอเพื่อตรวจสอบ 5 สิ่งเหล่านี้

  • สมุดประวัติรถ : สิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินได้เลยว่าเจ้าของรถนั้นดูแลรถคันนี้ดีหรือเปล่า? เพราะสมุดประวัติรถจะแจกแจงว่ารถคันนี้ถูกบำรุงรักษาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และเข้าศูนย์เพื่อเช็กระยะ เช็กตัวเครื่องอยู่เป็นประจำหรือเปล่า มากกว่านั้นรถคันนี้เคยซ่อมหรือเปลี่ยนอะไรตรงไหนบ้าง มีให้ครบ ถ้าคันไหนมีสมุดประวัติรถให้ ติ๊กผ่านได้เลย!
  • เลขไมล์รถและเลขตัวถัง : จะดูได้อย่างไรว่ารถคันนี้ใช้งานหนักหนาแค่ไหน ให้ดูที่เลขไมล์ สำหรับคนที่ไม่เคยซื้อรถมาก่อน สิ่งนี้สำคัญพอสมควร ซึ่งหากเป็นรถบ้านจริง ๆ ไม่ควรเลือกที่มีเลขไมล์เกิน 30,000 กิโลเมตร และอย่าลืมเช็กตัวถังรถด้วย ข้อนี้ต้องใช้สกิลการจับผิดกันเล็กน้อย ใช้สายตาสอดส่องดูฝากระโปรง ตัวรถด้านหลัง สีด้านข้างรถ ทะเบียนรถว่ามีอะไรผิดปกติไปหรือไม่ บางคันอาจเคยเคลมมาก่อน หากเจ้าของรถไม่ได้บอก แล้วเราไปเจอบางจุดเข้า ก็โบกมือลาคันนี้ไปได้เลย
  • ช่วงล่างรถ เครื่องรถยนต์และเกียร์ : ลองขอเจ้าของรถหรือที่เต็นท์สตาร์ตรถดู หรือทดลองขับดูก่อน ลองเข้าเกียร์ดูว่ามีสะดุดรึเปล่า และลองขับผ่านทางขรุขระดูว่าช่วงล่างยังแน่นยังดีอยู่ไหม พบเสียงอะไรผิดปกติหรือไม่ ถ้าไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรก็มั่นไปอีกเปราะนึงเนาะ
  • เบรกและยางรถ : รถมือสอง อาจขับจนยางสึก ดอกยางเหลือน้อย หรือไม่เคยได้รับการเปลี่ยนยางสักชุดเลย ให้เช็กดู พร้อมทำใจเรื่องผ้าเบรกไว้ด้วยก็ดี แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ เพื่อความอุ่นใจของเราเอง เบรกและยางเป็นส่วนสำคัญเลยทีเดียว
  • ห้องโดยสาร : เรื่องห้องโดยสารด้านในตัวรถ ใช้เซนส์ดูได้เลย แอร์เย็นไหม ปรับแล้วได้ตามที่ปรับรึเปล่า เบาะรถ คอนโซล กลิ่น และมีตรงไหนที่พังหรือเสียไหม เช็กให้เรียบร้อยทั้งหมด เพื่อความมั่นใจของเราเอง

2. ต้องถามอะไรกับคนขายรถ?

นอกจากเช็กรถเรียบร้อยแล้ว เราก็ควรมีคำถามกับทางคนขายรถด้วยเพื่อความชัวร์ ซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง?เราได้ลิสต์ไว้ให้แล้ว ดังนี้

ซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง กับคนขาย
ซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง กับคนขาย

  • รถมีอุปกรณ์เสริมอะไรมาบ้าง : ถึงแม้จะบอกหรือไม่ได้บอกในประกาศก็เป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องถาม โดยเฉพาะอุปกรณ์หลัก ๆ เช่น ครุยส์คอนโทรล กระจกไฟฟ้า เบาะปรับไฟฟ้า ระบบแอร์ เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์ออโต้ แอร์แบ็ก กระจกหลังปรับไฟฟ้า เป็นต้น เพราะเมื่อคุณถามอีกครั้ง คุณอาจจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละอุปกรณ์มากขึ้นก็ได้
  • รถคันนี้เคยชนมารึเปล่า : แน่นอนว่าส่วนมากมักจะตอบว่าไม่เคยโดน หรือโดนขีดข่วนบ้างแต่ไม่หนัก ดังนั้นคุณควรถามถึงรายละเอียดการชนแม้จะเล็กน้อย เช่น ซ่อมไปแพงรึเปล่า หรือว่าซ่อมนานรึเปล่า หรือว่าถามชื่ออู่ว่าซ่อมที่อู่ไหน เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณควรไปต่อกับรถคันนั้นหรือไม่
  • ซื้อมือหนึ่งออกห้างเลยรึเปล่า : เพราะหากเป็นเจ้าของคนแรก คุณก็ไม่จำเป็นต้องหาประวัติจากที่อื่น ๆ แต่หากว่าเป็นรถที่ซื้อต่อมาอีกที คุณอาจจะต้องไปตามประวัติก่อนหน้านี้เอง และถ้าผ่านมาหลายเจ้าของแล้ว ก็อาจจะมองหาตัวเลือกต่อไปได้
  • ขับคันนี้ประจำเลยรึเปล่า : เพราะการได้คุยกับเจ้าของที่ขับรถคันนั้นเป็นประจำ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าเขาหรือเธอเป็นเจ้าของที่หมั่นดูแลเอาใจใส่รถที่คุณกำลังสนใจอยู่หรือไม่
  • ทำไมถึงตัดสินใจขายรถแล้วล่ะ : ส่วนมากจะตอบว่า “กำลังจะซื้อคันใหม่” คุณอาจถามต่อได้เลยว่า “คันนี้ขับไม่สนุกแล้วเหรอ” หากว่าฟังเหตุผลดูแล้ว ไม่เข้าทีก็ดูต่อที่คันถัดไปได้เลย

ดูเพิ่มเติม

3.ต้องเตรียมเงินไว้เท่าไหร่ในการจัดทำไฟแนนซ์?

ราคาก็จะตามแต่ไฟแนนซ์ที่นั้น ส่วนใหญ่จะมีค่าโอนแสนละ 500 บาท 500,000 บาท ของราคาตัวรถ = 2,500บาท+ค่าดำเนินการต่าง ๆ ของไฟแนนซ์ไม่น่าเกิน 5,000บาท ส่วนที่เหลือที่จะงอกมาก็อยู่ที่ว่าคุณจะทำประกันชั้น1กับทางไฟแนนซ์ไปเลยหรือจะทำเองก็ได้

ดูเพิ่มเติม
>> ซื้อรถมือสอง เลขไมล์บอกอะไรบอกอะไรกับคุณได้

4. จะจองรถได้ยังไงนะ?

เมื่อเราได้รถที่ถูกใจแล้วให้เอาเงินไปจองไว้กับเต็นท์รถประมาณ 5,000 บาท แล้วขอเวลาจัดไฟแนนซ์กับเจ้าของรถ เผื่อเวลาไว้หน่อยบอกไว้10-15 วัน ถ้าจัดไฟแนนซ์ได้เสร็จทันเวลาก็ไปทำเรื่องซื้อรถได้เลย! ในใบจอง ควรระบุข้อมูลที่ชัดเจนถึงวันรับรถ และของแถมที่ได้รับทั้งหมด (ระบุด้วยว่าเป็นของแท้ หรือเทียม) ซึ่งถ้าขาดอะไรไป จะมีข้อเสียเปรียบได้ ดังนั้นให้เซลล์เขียนรายละเอียดทั้งหมดลงไป เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ในอนาคต

5. ประกันรถยนต์ควรทำชั้นไหนดี?

สอบถามเจ้าของรถหากเราซื้อรถมือสองแบบรถบ้าน แต่ถ้าซื้อกับเต็นท์รถยนต์มือสอง ต้องถามเลยว่าประกันรถยนต์ยังมีอยู่ไหม? หรือยกเลิกไปแล้ว ทีนี้พอได้คำตอบก็ได้เวลาเลือก หากรถมือสองที่จะซื้อมีอายุหลายปี ควรเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าสภาพรถยนต์จะยังดีเหมือนใหม่หรือใหม่

ประกันรถก็สำคัญ จะเลือกทำชั้นไหนดี?
ประกันรถก็สำคัญ จะเลือกทำชั้นไหนดี?

ซึ่งการเลือกทำแบบชั้น 1 จะทำให้เซฟค่าซ่อมรถได้ หากเกิดเหตุต้องเคลมขึ้นมา แต่หากคุณไม่ได้กังวลเรื่องนี้นัก เพราะสภาพรถมือสองที่กำลังจะซื้อนั้นใหม่เอี่ยม ถ้าเป็นแบบนี้ คุณไม่มีความจำเป็นต้องทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ได้ เบี่ยงประเด็นความสนใจไปอยู่ที่ประกันรถยนต์ชั้น 2 และประกันรถยนต์ชั้น 3 แทน เพราะก็คุ้มครองได้เหมือนกัน ต่างกันที่ความคุ้มครองนิดหน่อย ส่วนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงคือ ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 1 มีค่าเบี้ยที่แพงกว่าชั้นอื่น ๆ

6.ดูเล่มรถอย่างไร

  • ดูความเป็นเจ้าของในเล่มจะมีรายการความเป็นเจ้าของไว้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์คือใคร ผู้ครอบครองคือใคร
  • ดูรายการบันทึกเจ้าหน้าที่ในหน้า 18 ว่ามีบันทึกการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมอะไรบ้าง

7.เอกสารที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง?

  1. สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้ซื้อ/ผู้ขาย
  2. สำเนาบัตร ผู้ซื้อ/ผู้ขาย
  3. เล่มทะเบียน(ถ้าเจ้าของเดิมซื้อสดมา) สัญญาเช่าซื้อ(เจ้าของเดิมซื้อผ่อน)
  4. เอกสารที่มารายได้ของคุณ

เอกสารต้องครบถ้วน ว่าแต่มีอะไรบ้าง?
เอกสารต้องครบถ้วน ว่าแต่มีอะไรบ้าง?

โดยเอกสารที่ต้องใช้แบบแรกสำหรับมนุษย์เงินเดือน มีด้วยกันดังนี้

  • สลิปเงินเดือน
  • รับรองเงินเดือน
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง6เดือน

แบบที่ 2 คือทำธุรกิจส่วนตัว

  • สมุดบัญชีเหมือนอันที่ยกตัวอย่างไปแล้ว
  • ใบทะเบียนพาณิชย์ (ถ้ามี)
  • ใบเสร็จค่าเช่าสถานที่ ที่ใช้ในการทำอาชีพนั้น (ถ้ามี) เช่นขายของตลาดนัดต้องมีใบนี้แน่ ๆ
  • ใบสัญญา เช่นเหมือนข้างบนถ้าขายแบบแผงถาวรต้องมีแน่ ๆ
  • ภาพหน้าร้าน/อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบอาชีพ (หมายรวมถึงของที่ขายด้วยนะ)

การซื้อรถสักคันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาในทุกขั้นตอน ถึงจะมีรายละเอียดที่จะเยอะแยะไปบ้างแต่นั่นก็สำคัญและจำเป็นที่คนจะซื้อรถใหม่ควรรู้ ซึ่งสำหรับใครที่มองหารถมือสองไว้ใช้งาน การรู้ข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่คุณต้องจำและนำไปใช้ เพื่อการได้มาซึ่งรถที่ดีที่สุดสำหรับคุณนั่นเอง

ดูเพิ่มเติม
>>  9 ขั้นตอนการซื้อรถมือสอง ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
>> ผ่อนไม่ไหว อยากเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ทำอย่างไรดี?

เข้าดู ตลาดรถ ได้ที่นี่