รถยนต์ 5 ประตู ยี่ห้อไหนดี ที่น่าซื้อบ้าง

ประสบการณ์ใช้รถ | 15 พ.ค 2565
แชร์ 14

รถยนต์ 5 ประตูถือเป็นประเภทรถยนต์ยอดฮิตในปัจจุบัน วันนี้ Chobrod จะมาบอกข้อแตกต่างของรถยนต์ 5 ประตู พร้อมข้อดี และข้อเสีย ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจซื้อรถได้อย่างไม่เสียดายแน่นอนค่ะ และสำหรับใครที่อ่านแล้วยังไม่รู้ว่าจะซื้อรถยนต์ 5 ประตูรุ่นไหนดี ท้ายบทความเรามีของแถมมาเป็นตัวช่วยค่ะ

รถยนต์ 5 ประตู ยี่ห้อไหนดี

รถ5ประตูรุ่นไหนดี

รถยนต์ 5 ประตู 2022

สำหรับรถยนต์ 5 ประตู หรือรถยนต์แฮทช์แบ็ค เป็นรถยนต์นั่งกลุ่มเดียวกับรถซีดาน เพียงแต่มีช่วงท้ายที่สั้น หรือที่เรียกกันว่าท้ายตัด โดยกระโปรงท้ายรถ จะถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นประตูที่ 5 และเชื่อมต่อห้องโดยสาร กับพื้นที่เก็บสัมภาระเข้าด้วยกัน ทำให้เพื่อนๆ ที่เลือกใช้รถยนต์ 5 ประตู มีพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากยิ่งขึ้น และสามารถหยิบของได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดประตูรถออกไปเลยค่ะ

รถยนต์ลักษณะนี้จึงมักถูกเรียกว่าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ เนื่องจากไม่ได้ทำหน้าที่เพีรถ5ประตู ยี่ห้อไหนดี 2022 ยงแค่ใช้เดินทาง หรือโดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ทำหน้าที่อื่นได้ อาทิ ขนของขนาดใหญ่ หรือเก็บสัมภาระปริมาณมาก และเนื่องจากปัจจุบันเราใช้เวลาอยู่บนรถยนต์มากกว่าครึ่ง รถยนต์จึงมีหน้าที่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น รถยนต์ 5 ประตูจึงได้รับบความนิยมเพิ่มขึ้นไปด้วย

ข้อดีของรถยนต์ 5 ประตู

มีข้อดีอยู่ที่การใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

มีข้อดีอยู่ที่การใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

1. สามารถใช้งานได้หลากหลาย สมกับชื่อเรียกรถอเนกประสงค์ 5 ประตู เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิตที่หลากหลาย ชื่นชอบความสะดวกสบาย

2. พื้นที่ห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง สามารถขนของชิ้นใหญ่ หรือของทรงสูง อย่างตู้ ชั้นวางของ หรือโซฟาขนาดย่อมได้

3. เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่นอกจากความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว ยังช่วยให้การขับรถในที่แคบ กะระยะการจอด การถอย และการแซงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

4. ให้ความคล่องตัวสูง ด้วยทรงท้ายตัดของรถ ทำให้ขับได้เร็วกว่ารถยนต์นั่งซีดาน รวมถึงช่วงท้ายตัดจะช่วยให้ควบคุมรถ และเข้าโค้งได้ดีกว่า

5. ห้องโดยสารโล่งโปร่ง ไม่อึดอัด ให้พื้นที่กว้างขวางในทุกส่วน ทำให้รู้สึกนั่งสบาย รวมถึงสามารถพับเบาะเก็บได้ง่ายอีกด้วย

ข้อเสียของรถยนต์ 5 ประตู

ข้อเสียอยู่ที่การเก็บเสียง และกลิ่นทำได้ไม่ดีนัก เนื่องจากห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระเชื่อมต่อกัน

ข้อเสียอยู่ที่การเก็บเสียง และกลิ่นทำได้ไม่ดีนัก เนื่องจากห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระเชื่อมต่อกัน

1. เก็บเสียงได้ไม่ที่เท่ารถยนต์นั่งแบบซีดาน ที่มีการแบ่งพื้นที่ระหว่างห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระที่ชัดเจน

2. หากมีของกลิ่นแรงจะไม่สามารถเก็บกลิ่นได้ เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน

3. ช่วงเบาะหลังจะนั่งสบายไม่เท่ารถยนต์นั่งซีดาน แต่ให้ความสูงมากกว่าหากคนตัวสูงนั่งข้างหลังจะไม่ติดหัว

4. ซ่อนของให้ลับสายตาจากโจรลำบาก เนื่องจากสามารถมองเข้ามาได้หมด สามารถแก้ไขได้ด้วยการติดฟิล์มให้ทึบกว่าปกติ หรือหากล่องทึบสำหรับใส่ของมีค่า แต่ทางที่ดีไม่ควรเก็บของมีค่าไว้ในรถนะคะ

ปัจจุบันรถยนต์ 5 ประตูมีให้เลือกมากมายหลายรุ่นด้วยกัน และมีการเพิ่มทางเลือกให้กับรถยนต์แต่ละรุ่นมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันรถเก๋ง5ประตูมีให้เลือกมากมายหลายรุ่นด้วยกัน และมีการเพิ่มทางเลือกให้กับรถยนต์แต่ละรุ่นมากยิ่งขึ้น

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังหาซื้อรถยนต์อยู่นะคะ เพราะหากเรารู้ข้อดี-ข้อเสีย ของรถยนต์แต่ละประเภทแล้ว จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น และสำหรับเพื่อนที่กำลังมองหารถยนต์ 5 ประตูที่น่าสนใจ วันนี้ Chobrod ขอแนะนำ 7 รุ่นรถยนต์ 5 ประตูสุดอเนกประสงค์ที่เหมาะสำหรับการขับรถในเมืองค่ะ

>> รถ Hatchback คืออะไร? แนะนำรถ Hatchback มือสอง ราคาไม่เกิน 400,000 บาทที่น่าซื้อ

รถ 5 ประตู ยี่ห้อไหนดี 2021

1. Honda Civic

Honda Civic Hatchback ถือเป็นรถยนต์กลุ่ม C-Segment สมรรถสูงที่ตอบโจทย์ในกลุ่มของคนรักความเร็ว

Honda Civic Hatchback ถือเป็นรถยนต์กลุ่ม C-Segment สมรรถสูงที่ตอบโจทย์ในกลุ่มของคนรักความเร็ว

Honda Civic Hatchback ถือเป็นรถยนต์กลุ่ม C-Segment สมรรถสูง เป็นหนึ่งในรุ่นที่ตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานที่ชื่นชอบความแรงได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับมิติตัวถังที่มีความยาว 4,501 มิลลิเมตร กว้าง 1,799 มิลลิเมตร สูง 1,421 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,697 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อคู่หน้า / หลัง 1,547 – 1,563 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถนนถึงพื้นใต้ท้องรถ 133 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถเปล่า 1,316 กิโลกรัม

ดีไซน์ภายนอกมาในรูปแบบ Sport Hatchback

ดีไซน์ภายนอกมาในรูปแบบ Sport Hatchback

ดีไซน์ภายนอก Honda Civic Hatchback มาในรูปแบบ Sport Hatchback ที่ออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจ ติดตั้งกระจังหน้าสีดำเงาแบบเดียวกับรุ่น Turbo RS ขณะที่กันชนหน้าถูกออกแบบใหม่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นแฮทช์แบ็ค ตกแต่งด้วยพลาสติกรูปทรงตะแกรงสีดำขนาดใหญ่ ประตูคู่หน้ายกชุดมาจากรุ่นซีดาน ขณะที่ประตูคู่หลังแตกต่างจากรุ่นซีดานเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับกระจกโอเปร่าด้านท้าย ส่วนเสา D-Pillar ถูกออกแบบให้มีความหนาพอสมควร ซุ้มล้อถูกเน้นโป่งสันยื่นออกมารับกับล้ออัลลอยชัดเจน ไฟท้ายเป็นแบบ LED รูปทรงตัว C ออกแบบลากยาวขึ้นไปจรดกับสปอยเลอร์สีดำ ตกแต่งกันชนด้วยพลาสติกรูปทรงตะแกรงสีดำขนาดใหญ่รับกับกันชนหน้า ขอบล่างของกันชนออกแบบให้มีลิ้นสปอยเลอร์ในตัว ขณะที่ท่อไอเสียแบบคู่ถูกติดตั้งแยกไว้ทั้ง 2 ข้าง แต่ออกแบบให้ซ่อนไว้ในกันชน พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/50 R17 ขณะที่ยางอะไหล่เป็นล้อชั่วคราวขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง T125/80

ภายในห้องโดยสารให้พื้นที่มาอย่างกว้างขวาง สามารถโดยสารได้ 5 ที่นั่งแบบไม่อึดอัด

ภายในห้องโดยสารให้พื้นที่มาอย่างกว้างขวาง สามารถโดยสารได้ 5 ที่นั่งแบบไม่อึดอัด

ภายในห้องโดยสารให้พื้นที่มาอย่างกว้างขวาง สามารถโดยสารได้ 5 ที่นั่งแบบไม่อึดอัด ตกแต่งโดยเน้นโทนสีดำเป็นหลัก เบาะนั่งถูกหุ้มด้วยหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ ฝั่งผู้ขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง ตัวเบาะสามารถซัพพอร์ตแผ่นหลังได้อย่างสบาย ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ มีพนักพิงศีรษะปรับระดับได้ 2 ตำแหน่ง

Honda Civic Hatchback ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน DOHC แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า

Honda Civic Hatchback ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน DOHC แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า

ขุมพลังของ Honda Civic Hatchback เป็นบล็อกเดียวกับเครื่องยนต์เทอร์โบในรุ่นซีดาน โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT สามารถปรับโหมดแมนนวลได้ด้วย Paddle Shift รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E20 ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงค์อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง โดยมีการปรับสปริงให้แข็งขึ้นกว่ารุ่นซีดานประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวถังที่เพิ่มมากขึ้น ติดตั้งระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน โดยปัจจุบันมีเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้นคือ Honda Civic Hatchback Turbo ราคา 1,104,000 บาท และ Honda Civic Hatchback Turbo RS ราคา 1,219,000 บาท

2. Honda Jazz

Honda Jazz นำเสนอความสปอร์ตในทุกมุมมองด้วยออกแบบดีไซน์เฉพาะสไตล์ RS รอบคัน

Honda Jazz นำเสนอความสปอร์ตในทุกมุมมองด้วยออกแบบดีไซน์เฉพาะสไตล์ RS รอบคัน

สำหรับ Honda Jazz รุ่นล่าสุดที่มีการเปิดตัวมาก็คือ Honda Jazz RS ที่นำเสนอความสปอร์ตในทุกมุมมอง ด้วยการออกแบบดีไซน์เฉพาะสไตล์ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก และกันชนหลังแบบสปอร์ตในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น RS กระจกมองข้างสีดำ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม และสีภายนอกใหม่ สีส้มฟีนิกซ์ เฉพาะรุ่น RS

Honda Jazz มาพร้อมความสะดวกสบายที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์อย่างสมบูรณ์

Honda Jazz มาพร้อมความสะดวกสบายที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์อย่างสมบูรณ์

ภายในพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตร้าซีท สามารถพับและปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 4 โหมดการใช้งาน พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT

มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT

Honda Jazz RS ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้อัตราเร่ง และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ECO Assist รองรับพลังงานทางเลือก E85 สำหรับ Honda Jazz มีวางจำหน่ายอยู่ 6 รุ่นด้วยกัน คือ  Honda Jazz 1.5 S M/T ราคา 555,000, Honda Jazz 1.5 S A/T ราคา 594,000, Honda Jazz 1.5 V A/T ราคา 654,000, Honda Jazz 1.5 V+ A/T ราคา 694,000, Honda Jazz 1.5 RS A/T ราคา 739,000 และ Honda Jazz 1.5 RS+ ราคา 754,000

3. Toyota Yaris

Toyota Yaris รถยนต์สไตล์ Hatchback ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง

Toyota Yaris รถยนต์สไตล์ Hatchback ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง

Toyota Yaris รถยนต์สไตล์ Hatchback ที่ได้รับการออกแบบตัวถังให้ความรู้สึกสปอร์ตเร้าใจด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียวเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองโดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการความคล่องตัวสูง มาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกที่ได้รับการปรับโฉมให้ไม่ซ้ำใครสร้างความโดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับรถญี่ปุ่นด้วยการติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่กลางวัน DRL แบบ LED ผสานการทำงานร่วมกับชุดไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ติดตั้งระบบ Follow-Me-Home กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำเงาอีกทั้งยังได้รับการติดตั้งแผ่นกันความร้อนที่ฝากระโปรงหน้า และ เสาอากาศแบบ Shark Fin ด้านหลังติดตั้งไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เพิ่มความปลอดภัยในทุกเส้นทางขับขี่ด้วยไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ตสีเดียวกับตัวรถ ส่วนช่วงล่างได้รับการติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R15

ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำเข้ม พร้อมวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงินเมทัลลิก

ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำเข้ม พร้อมวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงินเมทัลลิก

ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำเข้ม พร้อมวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงินเมทัลลิก วัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าสีเปียโนแบล็ค วัสดุตกแต่งแผงประตูหุ้มด้วยผ้าบริเวณแขน เพิ่มความโดดเด่นด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าสีดำ โดยเบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับระดับสูงต่ำได้พร้อมกระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า ส่วนเบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 บริเวณคอนโซลกลางติดตั้งกล่องเก็บของหุ้มด้วยผ้า และ มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมี่ยม ติดตั้งระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry

ติดตั้งเครื่องยนต์ 3 NR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาวล์ แบบ Dual VVT-I ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า

ติดตั้งเครื่องยนต์ 3 NR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาวล์ แบบ Dual VVT-I ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า

รถโตโยต้า5ประตู Yaris ติดตั้งเครื่องยนต์ 3 NR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาวล์ แบบ Dual VVT-I ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-I พร้อม Shift Lock ที่ช่วยให้ในทุกการขับขี่ทำได้อย่างนุ่มนวลราบรื่นอีกทั้งยังประหยัดน้ำมันแบบสุดๆ Toyota Yaris ประกอบด้วย 5 รุ่นย่อย ได้แก่ Toyota Yaris 1.2 J Eco Super CVT-I ราคา 489,000 บาท, Toyota Yaris 1.2 J Super CVT-I ราคา 539,000 บาท, Toyota Yaris 1.2 E Super CVT-I ราคา 569,000 บาท, Toyota Yaris 1.2 G Super CVT-I ราคา 619,000 บาท และ Toyota Yaris 1.2 G+ Super CVT-I  ราคา 639,000 บาท

4. Mazda3

Mazda3 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด VISION BEYOND IMAGINATION​

Mazda3 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด VISION BEYOND IMAGINATION​

Mazda3 มาพร้อมกับแนวคิด VISION BEYOND IMAGINATION มิติใหม่ของความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่จริง อีกระดับของยนตรกรรมสมบูรณ์แบบเหนือจินตนาการ Mazda3 โดดเด่นด้วยเส้นสายสไตล์สปอร์ต สะท้อนเสน่ห์อันลุ่มลึก แต่น่าค้นหาของสีพรีเมียมใหม่ SOUL RED CRYSTAL ทำให้ Mazda3 เต็มเปี่ยมไปด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมนวัตกรรมล่าสุด ทั้ง SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS อีกขั้นของเทคโนโลยีที่ให้สมรรถนะการขับขี่เหนือชั้น MZD CONNECT เชื่อมต่อโลกโซเชียล ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดเส้นทาง และเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE ให้คุณมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ เปิดมิติใหม่ของความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่จริง

ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้ปรัชญา MAZDA'S HUMAN-CENTERED DESIGN

ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้ปรัชญา MAZDA'S HUMAN-CENTERED DESIGN

รูปลักษณ์ภายนอกของ Mazda3 ถ่ายทอดจินตนาการของยนตรกรรมแห่งความสมบูรณ์แบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์การออกแบบ “โคโดะ ดีไซน์” KODO DESIGN ที่บ่งบอกความโดดเด่น ผ่านดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS จึงสามารถมอบทั้งสมรรถนะความแรงและการประหยัดน้ำมันเต็มเปี่ยม ภายใต้รูปลักษณ์แห่งความสปอร์ต พรีเมี่ยม พร้อมทั้งความรู้สึกปราดเปรียวได้ในเวลาเดียวกัน จึงทำให้  Mazda3 เป็น SKYACTIV SPORTS COMPACT ที่เปลี่ยนความหมายของรถยนต์นั่งขนาดกลางแบบเดิม ด้วยการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายในจัดวางอุปกรณ์และฟังก์ชั่นการใช้งานภายในรถในตำแหน่งศูนย์กลางและเหมาะสมกับการใช้งาน โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนภายใต้ปรัชญา MAZDA'S HUMAN-CENTERED DESIGN ภายในห้องโดยสารแฝงความสปอร์ตในทุกรายละเอียด ตกแต่งอย่างประณีต หรูหรา ด้วยวัสดุคุณภาพสูง และฟังก์ชั่นสุดล้ำ

ติดตั้งเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน 2.0 ลิตร ให้อัตราส่วนการอัดสูงที่สุด 14.0:1 และประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.6 กม./ลิตร

ติดตั้งเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน 2.0 ลิตร ให้อัตราส่วนการอัดสูงที่สุด 14.0:1 และประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.6 กม./ลิตร

มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งแรงและประหยัด ด้วยอัตราส่วนการอัดสูงที่สุด 14.0:1 และประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.6 กม./ลิตร เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ผ่านผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 Combine Mode ส่งพลังด้วย SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่รวมข้อดีของเกียร์ทุกระบบไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้แม่นยำ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว  Mazda3 Hatchback มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อยให้เลือกได้แก่ Mazda3 Sports รุ่น E ราคา 857,000 บาท, Mazda3 Sports รุ่น C ราคา 951,000 บาท, Mazda3 Sports รุ่น S ราคา 998,000 บาท และ Mazda3 Sports รุ่น SP ราคา 1,149,000 บาท

5. Nissan March

Nissan March รถยนต์กลุ่ม Sub-Compact Hatchback มาพร้อมกระจังหน้าทรง V-Shape อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน

Nissan March รถยนต์กลุ่ม Sub-Compact Hatchback มาพร้อมกระจังหน้าทรง V-Shape อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน

Nissan March ถือเป็นรถยนต์ยุคแรกที่บุกเบิก Sub-Compact Hatchback มาพร้อมกระจังหน้าทรง V-Shape ถูกนำมาใช้คาดที่นอกจากเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นรถจาก Nissan พร้อมไฟหน้าใหม่แบบ “ทูโทน” บวกโครเมียมภายในโคม และเพิ่มไฟวิ่งกลางวัน Daytime Running แบบไดมอนด์บริเวณด้านล่างที่จุดบริเวณไฟตัดหมอกเป็นทรงโค้งรับกับช่องลมกันชนช่วยทำให้รถดูดียิ่งขึ้น ไฟหลังให้มาเป็นแบบ LED สวยทันยุค กันชนหน้า-หลังออกแบบใหม่สื่ออารมณ์ถึงความ Minimal ลดเส้นตัดเส้นโค้งที่ด้านหน้าเรียบแต่ดูดี ไม่มากแต่ดูน่าสนใจ ด้านหลังกันชนถูกเพิ่มลูกเล่นนิดหน่อยเพิ่มความปราดเปรียว  โดยล้อที่ให้มาจะเป็นล้อเหล็กทุกรุ่นย่อยขนาด 14 นิ้วรัดด้วยยางขนาด 165/70/14

พื้นที่ภายในกว้างขวางกว่าที่คาดคะเนจากมิติตัวถังภายนอก

พื้นที่ภายในกว้างขวางกว่าที่คาดคะเนจากมิติตัวถังภายนอก

ภายในตกแต่งโดยใช้โทนสีดำ ตัดด้วยสีเงินเล็กน้อยที่แผงแดชบอร์ดหน้า พวงมาลัยยูรีเทนปรับสูง-ต่ำได้ ระบบเครื่องเสียงให้มารองรับทั้ง CD, MP3 น่าเสียดายที่ยังไม่ใช่แบบหน้าจอสัมผัส แต่ยังครบทุกการเชื่อมต่อทันยุคจาก Smart Phone ไม่ว่าจะเป็น USB, AUX เติมเต็มทุกการบันเทิงตลอดเส้นทางการเดินทาง เบาะที่ให้มาเป็นเบาะผ้าสีดำพร้อมลวดลายกราฟิกตรงกลาง เบาะแถวหลังสามารถแยกปรับพับได้เพื่อเอื้อในเรื่องการเก็บสัมภาระที่มากขึ้น

ติดตั้งเครื่องยนต์ของขนาด 1.2L รหัส HR12DE เบนซิน 3 สูบ ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 79 แรงม้า

ติดตั้งเครื่องยนต์ของขนาด 1.2L รหัส HR12DE เบนซิน 3 สูบ ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 79 แรงม้า

ติดตั้งเครื่องยนต์ของขนาด 1.2L รหัส HR12DE เบนซิน 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ ECCS แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 79 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 106 Nm ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC แบบ CVT พร้อมระบบเกียร์ Sub-Planetary และยังมีแบบเกียร์ธรรมดา 5 Speed ให้เลือกด้วยสำหรับรุ่นย่อยรองลงมา Nissan March มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Nissan March 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท, Nissan March 1.2 E MT ราคา 479,000 บาท, Nissan March 1.2 E CVT ราคา 493,000 บาท และ Nissan March 1.2 EL CVT ราคา 526,500 บาท

6. Suzuki Swift

All New Suzuki SWIFT ​โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แต่มีกลิ่นอายของรถยุโรป

All New Suzuki SWIFT ​โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แต่มีกลิ่นอายของรถยุโรป

All New Suzuki SWIFT ได้มีการออกแบบให้มีความโดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ภายนอกโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แต่มีกลิ่นอายของรถยุโรปมากยิ่งขึ้น ด้วยมิติของตัวรถซึ่งความสูงอยู่ที่ 1,495 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร ทำให้ All New Suzuki SWIFT มีความสปอร์ต และดูปราดเปรียวมากขึ้นด้วยเส้นสีแดงตัดกระจังหน้าสีดำ ไฟหน้า LED Projector และไฟหลัง LED ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้ว ภายใน All New Suzuki SWIFT ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งแผงคอนโซลกลางด้านหน้าเบนเข้าหาคนขับเพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น มาตรวัดสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดง พร้อมจอแสดงข้อมูลขับขี่แบบ LCD มาพร้อมกับจอสัมผัส Suzuki Smart Connect ขนาด 7 นิ้ว ที่ควบรวมระบบนำทางที่แม่นยำ กับฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth พร้อมโปรแกรมสุดล้ำ Apple CarPlay สำหรับ iOS รวมถึงพวงมาลัยที่ออกแบบใหม่เป็นรูปตัว D เพื่อเพิ่มพื้นที่วางเท้าระหว่างเบาะและพวงมาลัย

เครื่องยนต์เบนซินความจุ 1,197 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุดที่ 83 แรงม้า รวมถึงประหยัดหลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 2

เครื่องยนต์เบนซินความจุ 1,197 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุดที่ 83 แรงม้า รวมถึงประหยัดหลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 2

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรุ่น K12M ขนาดความจุ 1,197 ซี.ซี. ระบบหัวฉีดคู่ DUAL JET ให้กำลังสูงสุดที่ 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้อัตราสิ้นเปลืองมากกว่า 23 กม./ลิตร รองรับน้ำมัน E20 ช่วยประหยัดน้ำมันมากว่าง 23 กม./ลิตร เป็นไปตามคุณสมบัติรถยนต์ประหยัดหลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 2 (ECO CAR PHASE ll) All New Suzuki Swift มาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อย ได้แก่ All New SWIFT 1.2L GA CVT ราคา 499,000 บาท, All New SWIFT 1.2L GL CVT ราคา 536,000 บาท,  All New SWIFT 1.2L GLX CVT ราคา 609,000 บาท และ All New SWIFT 1.2L GLX-Navi CVT  ราคา 629,000 บาท

7. MG3

ALL NEW MG3 รถยนต์สไตล์อังกฤษ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่

ALL NEW MG3 รถยนต์สไตล์อังกฤษ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่

ALL NEW MG3 อัพเกรดความสนุกสไตล์อังกฤษรูปลักษณ์ใหม่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร ให้สอดคล้องความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความคล่องตัว จึงมาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ที่โดดเด่นขึ้น พร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (Projector Headlamp) เติมความสดใสด้วยสีสันแนว บริท ดูโอ้ คัลเลอร์ สไตลิ่ง (Brit Duo Colour Styling) และช่วยเปิดมุมมองความสนุกให้กว้างขึ้นกับหลังคา ซันรูฟ (Sunroof) แบบปรับไฟฟ้าและเสริมบุคลิกความสนุกให้โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ (LED Light Guide) การออกแบบด้านข้างที่ปราดเปรียวที่มีเส้นสายชัดเจนพาดจากด้านหน้าไปจนถึงซุ้มล้อหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ แบบ Bi-Colour ขนาด 16 นิ้ว  ที่โดดเด่นสะดุดตา

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบที่มีสไตล์ดูหรูหราสปอร์ตพรีเมียมขึ้น ด้วยเส้นสายกับสีสันของเบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิก

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบที่มีสไตล์ดูหรูหราสปอร์ตพรีเมียมขึ้น ด้วยเส้นสายกับสีสันของเบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิก

ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบที่มีสไตล์ดูหรูหราสปอร์ตพรีเมียมขึ้น กว้างขวางนั่งสบายทั้งที่นั่งแถวหน้า และแถวหลัง ผสานเส้นสายกับสีสันของเบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิก เบาะที่นั่งหลังสามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 สร้างความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว สนุกมากขึ้นกับจอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ที่ให้เทคโนโลยีเติมความสนุกในทุกเส้นทาง ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานได้หลากหลายทั้งฟังเพลง ดูหนัง ค้นหาโรงแรมและร้านอาหาร พร้อมกล้องมองหลังขณะถอย และสัญญาณเตือนระยะถอยหลังที่ช่วยเติมเต็มความสนุกของเราได้เสมอ

ALL NEW MG3 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 112 แรงม้า

ALL NEW MG3 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 112 แรงม้า

ALL NEW MG3 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ มี 4 รุ่นย่อยให้เลือกด้วยกัน คือ MG3 รุ่น C ราคา 519,000 บาท, MG3 รุ่น D ราคา 549,000 บาท, MG3 รุ่น X Sunroof ราคา 589,000 บาท และ MG3 รุ่น V Sunroof ราคา 629,000 บาท

ทั้ง 7 รุ่นนี้คือรถยนต์นั่ง 5 ประตูยอดนิยมในตลาดประเทศไทย เพื่อนๆ ที่กำลังมองหารถยนต์ 5 ประตูมือหนึ่งมาขับแบบสบายใจ ด้วยความอเนกประสงค์ของรถยนต์ 5 ประตู และความหลากหลายสไตล์ในการขับขี่ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักรถประเภทนี้ และหากใครที่กำลังมองหารถยนต์ 5 ประตูมือสอง สามารถเข้ามาดูได้ที่ Chobrod.com นะคะ

ติดตาม รถบ้านมือสอง ด้ที่นี่
ติดตามเรื่อง ราคารถยนต์ใหม่ๆได้ที่นี่