ย้อนรอยปัญหาของชาวกรุงเทพ กับสถานการณ์ Grab-Taxi ขณะนี้

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 1 ก.ค 2562
แชร์ 0

หากให้นึกถึงปัญหาที่แทบจะกลายเป็นเนื้อร้ายของชาวกรุงเทพมหานครแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นปัญหาบริการขนส่งของรถ Taxi อย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะมีบริการใหม่อย่าง Grab เข้ามา แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้แม้แต่น้อย แล้วรู้หรือไม่ อะไรที่ทำให้สถานการณ์ Grab-Taxi ยังคงเป็นเนื้อร้ายในสังคมไทยอยู่ พร้อมไขข้อสงสัยได้ที่นี่

สำหรับรถสาธารณะที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเป็นลำดับต้น ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นรถ Taxi (แท็กซี่) เพราะมีความสะดวกสบาย สามารถเดินทางไปในที่ที่ต้องการได้โดยไม่ต้องนั่งร่วมกับผู้โดยสารคนอื่น แต่ด้วยความสะดวกสบายนี้เอง มักมาพร้อมกับค่าบริการที่สูงกว่ารถขนส่งสาธารณะโดยทั่วไป อย่างเช่น รถเมล์ แน่นอนว่า ในประเทศไทยเองก็นิยมการใช้รถ Taxi มานานกว่า 72 ปี ทั่วประเทศ รวมจังหวัดรองอย่าง เลย พิษณุโลก (เริ่มนับตั้งแต่ภาคเอกชนเข้ามาฟื้นฟูกิจการ Taxi ในไทยจนถึงปัจจุบัน หลังจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง) 

ย้อนรอยปัญหาระหว่าง Grab-Taxi

ย้อนรอยปัญหาระหว่าง Grab-Taxi

และด้วยสาเหตุที่ประเทศไทยนิยมการใช้รถ Taxi นี้เอง จึงทำให้มีภาคเอกชนอื่น ๆ เข้ามาทำธุรกิจประเภทรถยนต์สาธารณะมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Uber และ Garb แน่นอนว่า เหล่าผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถ Taxi เองก็มองว่านี่คือการแย่งลูกค้า และตัดช่องทางการทำมาหากินของตนเอง จนกลายเป็นการประท้วงต่อต้านการให้บริการของภาคเอกชนอย่างชัดเจน จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้  

อย่างไรก็ตาม เราจะมาไขคำตอบว่า อะไรคือชนวนปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Grab-Taxi ไม่สามารถลงรอยและหาข้อยุติได้ และในมุมมองของผู้ใช้บริการมีความคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์ดังกล่าว

รู้จัก Grab และความล้มเหลวของ Taxi OK 

เริ่มต้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “Grab” คือ บริษัทด้านเทคโนโลยีของสิงคโปร์ ที่ให้บริการเรียกรถ Taxi, วินมอเตอร์ไซต์, ส่งพัสดุ และสั่งอาหาร ผ่านทางแอปพลิเคชั่นจากสมาร์ทโฟน โดยมีประเทศที่ให้บริการครอบคลุมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย โดยในช่วงเดือนมีนาคม 2561 นั้น Grab ได้ซื้อกิจการของ Uber เข้ามาไว้ด้วยกัน จึงทำให้เหล่าคนที่ใช้ Uber มาตั้งแต่ต้น หันมาใช้ Grab ร่วมด้วย
โดยหลังจากที่ Grab ได้ซื้อกิจการของ Uber แล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการเปลี่ยนแปลงการให้บริการ จากเดิม Grab จะมีบริการ Taxi, วินมอเตอร์ไซต์, ส่งพัสดุ และสั่งอาหาร เป็นหลัก ก็ได้เพิ่ม Grab Car (Uber เดิม) และ Grab Bike เข้ามา โดยรถทั้งสองชนิดคือรถที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นรถขนส่งสาธารณะ ที่ถูกนำมาใช้เพื่อประกอบธุรกิจ ซึ่งนี่คือจุดบอดที่ใหญ่ที่สุดของ Grab เพราะถือว่าเป็นรถที่นำมาใช้งานแบบผิดกฎหมายจนเป็นการต่อต้านที่ลุกลามมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง 

การให้บริการของ Grab ผ่านแอปพลิเคชั่น

การให้บริการของ Grab ผ่านแอปพลิเคชั่น

ทั้งนี้ ในมุมของการให้บริการของ Taxi เอง ก็ยังมีบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น ภายใต้การดูแลของกรมการขนส่งทางบกอย่าง “Taxi OK” และ “All Thai Taxi” แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าใดนัก หากเทียบกับ “Grab” ซึ่งหากลองวิเคราะห์ในเชิงลึกแล้วจะพบว่า โครงการดังกล่าวยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานในขณะนี้ ทั้งในมุมมองของคนขับและผู้โดยสารเอง ซึ่งหลัก ๆ แล้ว ปัญหาที่ทำให้โครงการดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จคือ ผู้ขับ Taxi มองว่านี่คือการเพิ่มภาระให้กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมภายในรถ และยังมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ผู้ใช้บริการก็มองว่า ในการใช้งานแอปพลิเคชั่นดังกล่าว ยังคงมีปัญหาการยกเลิกการเรียกรถ และการปฏิเสธผู้โดยสารอยู่เช่นเดิม ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงทำให้หลายคนมองว่าโครงการดังกล่าวคือความล้มเหลวอีกอย่างหนึ่งของกรมการขนส่งทางบก 

 การให้บริการของ Taxi ผ่านแอปพลิเคชั่น Taxi OK

การให้บริการของ Taxi ผ่านแอปพลิเคชั่น Taxi OK

เจาะลึกปัญหาระหว่าง Grab และ Taxi

หลังจากที่มองเห็นถึงจุดเริ่มต้นของ Grab และ Taxi แล้ว เราจะมาดูว่าอะไรที่ทำให้ปัญหาระหว่าง Grab-Taxi ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ โดยยึดความคิดเห็นของผู้ใช้งานเป็นหลัก 

ปัญหาของ Grab 

หากลองมองในจุดบอดของ Grab แล้ว หลัก ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ผู้ขับ Grab (เฉพาะ Grab Car และ Grab Bike) นั้น ไม่ได้มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ เช่นเดียวกับ Taxi ที่ถูกกำหนดให้มีการทำใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะตามที่กรมการขนส่งกำหนด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ที่สำคัญคือ รถยนต์ที่นำมาใช้บริการ ไม่ได้กำหนดของขนาดเครื่องยนต์ เพราะตามกฎหมายแล้ว ต้องมีขนาดเครื่องยนต์ไม่ต่ำกว่า 1,500 ซีซี. ซึ่งในการให้บริการของ Grab ไม่ได้กำหนดขนาดของเครื่องยนต์ บางครั้งก็จะมีผู้ขับที่ใช้เครื่องยนต์ต่ำกว่าที่กฎหมายควบคุมรถยนต์สาธารณะกำหนด เช่น ใช้รถตระกูล Ecocar รวมถึงข้อกำหนดทางกฎหมายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การนำรถขึ้นจดทะเบียนรถยนต์รับจ้าง ทั้งนิติบุคคล-บุคคลธรรมดา ขอบเขตการใช้อัตราค่าโดยสาร เครื่องแต่งกายของผู้ขับขี่ เป็นต้น โดยปัญหาหลักที่ยังคงเป็นที่กังวลคือ กฎหมายไม่ได้คุ้มครองผู้ใช้บริการหากเกิดเหตุร้ายขึ้นมา แม้ทาง Grab จะมีมาตรการคัดกรองคนเพื่อรับรองประวัติก่อนสมัครก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าเป็นจุดบอดที่ Grab เองก็ยังต้องเผชิญอยู่เช่นเดิม 

ปัญหาและข้อจำกัดของ Grab

ปัญหาและข้อจำกัดของ Grab

ปัญหาของ Taxi 

สำหรับปัญหาของ Taxi เองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น บางรายไม่ได้มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะ (บางรายอยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีอิทธิพลในท้องที่) การปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่แจ้งราคาล่วงหน้า การไม่กดมิเตอร์ การคิดราคาเหมาซึ่งเกินจริงและไม่ตรงตามกฎหมายกำหนด การอยู่ภายใต้ผู้มีอิทธิพล ช่วงเวลาเร่งด่วนไม่เพียงพอต่อการให้บริการ แน่นอนว่า ผู้ใช้บริการหลายคนเองก็มองว่านี่คือปัญหาที่กรมการขนส่งทางบกยังไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะการปฏิเสธผู้โดยสารและการคิดค่าบริการไม่ตรงตามกฎหมาย หากลองคำนวณเป็นอัตราแล้ว ในผู้ใช้บริการ 1 คน ต้องเจอการปฏิเสธไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งเลยทีเดียว ยังไม่นับผู้คนต่างถิ่นที่เดินทางมายังกรุงเทพมหานคร ที่ถูกคิดราคาค่าแท็กซี่แบบเหมาจ่าย บางรายอาจถูกคิดราคาสูงกว่าราคาตามมิเตอร์ถึง 5 เท่า ดังนั้น หากมีทางเลือกอื่นที่มีความสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็วมากกว่า จึงไม่แปลกหากผู้ใช้บริการจะเลือกใช้อย่างไม่ลังเล ถึงแม้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก็ตาม

ปัญหาของ Taxi ในประเทศไทย

ปัญหาของ Taxi ในประเทศไทย

แล้วเพราะอะไร Grab และ Taxi จึงไม่ลงรอย? 

จากสาเหตุและปัญหาของ Grab และ Taxi นั้น ทำให้เห็นถึงจุดบอดที่ใหญ่ที่สุดของการให้บริการด้านขนส่ง จุดเริ่มต้นของปัญหาคือ การปฏิเสธผู้โดยสาร และจำนวนผู้ให้บริการที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยกตัวอย่าง ในจุดที่มีผู้ต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมากอย่าง เยาวราช สยาม และห้างสรรพสินค้าหลักของกรุงเทพ จะมีผู้ที่ต้องการใช้บริการรถยนต์สาธารณะที่สูง ตามมาด้วยการจราจรที่คับคั่ง ดังนั้น ผู้ที่ให้บริการรถ Taxi จึงเกิดการเลือกรับผู้โดยสาร เพราะสามารถเรียกราคาได้สูงกว่า ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงการกดมิเตอร์ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีการให้บริการของ Grab เพิ่มขึ้นมา จึงทำให้ผู้ใช้บริการมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น จนนำไปสู่การต่อต้าน Grab อย่างเห็นได้ชัด 

และที่น่าสนใจก็คือ ในการให้บริการของ Grab ไม่ได้ปิดกั้นการเข้าร่วมใช้บริการของ Taxi แต่อย่างใด เพราะในการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกับ Grab นั้น มีขั้นตอนที่ง่าย เพียงแค่ส่งเอกสารเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากมีประวัติอาชญากร หรือคดีเพียงเล็กน้อยอย่างเมาแล้วขับก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งจากสถิติพบว่า ในจำนวน Taxi ที่ประท้วง Grab อยู่ในขณะนี้ก็คือเหล่าคนที่มีประวัติอาชญากรติดตัวที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น หากมีการผลักดันให้ Grab ถูกกฎหมายแบบ 100% จริง ผู้ที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดก็คือ Taxi จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ลงรอยกัน บวกกับการหันไปใช้บริการแอปพลิเคชั่นเรียกรถของ Grab มากขึ้น เพราะมีความสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็วกกว่า ก็ยิ่งทำให้ Taxi ต่อต้านมาตรการดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด

การต่อต้าน Grab ของ Taxi

การต่อต้าน Grab ของ Taxi

สรุป

จากปัญหาการไม่ลงรอยกันระหว่างผู้ให้บริการ Taxi และ Grab จึงกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ในขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหาจุดกึ่งกลางของปัญหาดังกล่าวได้ ที่สำคัญคือ หากจะนำมาตรการที่ Grab ในต่างประเทศใช้ ก็อาจจะไม่เข้ากับบริบทในประเทศไทย อีกนัยหนึ่งก็คือ ในมุมมองของ Taxi ที่เคยมีประวัติอาชญากรมาก่อน และไม่สามารถเข้าร่วมกับ Grab ได้ ก็คือฝ่ายที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าปัญหาคือหากสังคมไม่ให้โอกาสคนเหล่านี้ ก็อาจจะกลายเป็นการปิดกั้นการทำงานโดยสุจริต และอาจจะนำไปสู่ปัญหาของสังคมในอนาคต ในขณะเดียวกัน มาตรการของ Grab เองก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับผู้บริการที่จะเรียกใช้ เพราะฉะนั้น ก็ต้องมาดูว่าการผลักดันให้ Grab ถูกกฎหมาย และการให้ความเป็นธรรมกับ Taxi ตามที่มีการประท้วงกันนั้นจะทำอย่างไรได้บ้าง เพราะก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Taxi ดี ๆ ในบ้านเราเองก็มีไม่น้อย และก็ต้องยอมรับว่าหนึ่งในสาเหตุที่คนเลือกใช้บริการ Grab มากกว่า Taxi ก็มาจากการกระทำของ Taxi เองด้วยเช่นเดียวกัน

อ่านเพิ่มเติม 

>> มีงบ 400,000 ซื้อรถกระบะมือสองรุ่นไหนได้บ้าง?

>> รีวิว New Ford Everest 2019

ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ช่องทางตลาดรถ Unseencar.com

BearsSmiley
แท็ก Grab และ Taxi